องค์ประกอบที่ 1: การประเมินประสิทธิภาพและประสิทธิผลการปฏิบัติงาน
รายงานการประเมินประสิทธิภาพและประสิทธิผลการปฏิบัติงานด้านการจัดการเรียนรู้
นักเรียนได้ฝึกแก้โจทย์ปัญหาด้วยตนเอง
นักเรียนได้ศึกษาเรียนรู้ด้วยตนเอง
นักเรียนได้ใช้ AI ในการศึกษาค้นคว้าด้วยตนเอง
องค์ประกอบที่ 2: ข้อตกลงในการพัฒนางานที่เป็นประเด็นท้าทาย
รายงานข้อตกลงและการพัฒนางานที่เป็นประเด็นท้าทายในการปฏิบัติงาน
นักเรียนได้ฝึกแก้โจทย์ปัญหาด้วยตนเอง
นักเรียนได้ศึกษาเรียนรู้ด้วยตนเอง
นักเรียนได้ใช้ AI ในการศึกษาค้นคว้าด้วยตนเอง
กิจกรรมการเรียนรู้ของนักเรียน
กิจกรรมการเรียนรู้ของนักเรียน
นักเรียนได้ฝึกแก้โจทย์ปัญหาด้วยตนเอง
นักเรียนได้ศึกษาเรียนรู้ด้วยตนเอง
นักเรียนได้ใช้ AI ในการศึกษาค้นคว้าด้วยตนเอง
นักเรียนได้ฝึกแก้โจทย์ปัญหาด้วยตนเอง
นักเรียนได้ศึกษาเรียนรู้ด้วยตนเอง
นักเรียนได้ใช้ AI ในการศึกษาค้นคว้าด้วยตนเอง
ข้อมูลพื้นฐาน
นายเลอเกียรติ จันธิมา
ตำแหน่ง: ครู
วิทยะฐานะ: ชำนาญการพิเศษ
เงินเดือน: 57,430 บาท
หน้าที่: ปฏิบัติการสอน
วิชา: เคมี
ระดับชั้น: มัธยมศึกษาตอนปลาย
กลุ่มสาระการเรียนรู้: วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
โรงเรียน: เวียงเชียงรุ้งวิทยาคม
สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา: สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาเชียงราย
ประวัติการศึกษา
ประถมศึกษา: โรงเรียนบ้านสักทุ่ง
มัธยมศึกษา: โรงเรียนจุนวิทยาคม
ปริญญาตรี: สถาบันราชภัฏเชียงใหม่
ปริญญาโทร: มหาวิทยาลัยพิษณุโลก
ประวัติการทำงาน
พ.ศ. 2538: อาจารย์ 1 โรงเรียนเวียงเดอนศิลาผางามวิทยาคม
พ.ศ. 2545: อาจารย์ 2 โรงเรียนเวียงเชียงรุ้งวิทยาคม
พ.ศ. 2547: ครูชำนาญการ โรงเรียนเวียงเชียงรุ้งวิทยาคม
พ.ศ. 2561: ครูชำนาญการพิเศษ โรงเรียนเวียงเชียงรุ้งวิทยาคม
ข้อตกลงในการพัฒนางานตามมาตรฐานตำแหน่ง
1. ภาระงาน
ตำแหน่ง: ครู
จะมีภาระงานเป็นไปตามที่ ก.ค.ศ. ก าหนด ได้แก่ ชั่วโมงสอนตามตามตารางสอน งานส่งเสริม และสนับสนุนการจัดการเรียนรู้ งานพัฒนาคุณภาพการจัดการศึกษาของสถานศึกษา งานตอบสนองนโยบายตามจุดเน้น โดยมีรายละเอียดดังนี้
ชั่วโมงสอนตามตารางสอน รวมจ านวน 24 ชั่วโมง/สัปดาห์ดังนี้
1.1 ชั่วโมงสอนตามตารางสอน รวมจำนวน 16 ชั่วโมง/สัปดาห์ดังนี้
| รหัสวิชา | ชื่อวิขา | ชั้น | จำนวนชั่วโมง/สัปดาห์ |
|---|---|---|---|
| ว31241 | ชีววิทยา 1 เล่ม 1 | ม.4/1 | 3 |
| ว31101 | วิทยาศาสตร์ชีวภาพ | ม.4/1-3 | 9 |
| ว32241 | ชีววิทยา 4 | ม.5/1 | 3 |
| ว33241 | ชีววิทยา 6 | ม.6/1 | 3 |
| กิจกรรมลูกเสือ | ลูกเสือสามัญรุ่นใหญ่ | ม.1 | 1 |
| กิจกรรมชุมนุม | กิจกรรมชุมนุม | 1 | |
| กิจกรรมโรงเรียนวิถีพุทธ | กิจกรรมโรงเรียนวิถีพุทธ | ม.5/1 | 1 |
| กิจกรรมโฮมรูม | กิจกรรมโฮมรูม | ม.5/1 | 1 |
| กิจกรรม PLC | กิจกรรม PLC | 1 | |
| กิจกรรมต่อต้านทุจริตศึกษา | กิจกรรมต่อต้านทุจริตศึกษา | ม.5/1 | 1 |
| รวม 25 |
2. งานที่จะปฏิบัติตามมาตรฐานตำแหน่งครู
1.ด้านการจัดการเรียนรู้
งาน (Tasks)
มีส่วนร่วมในการพัฒนาหลักสูตรโรงเรียนเวียงเชียงรุ้งวิทยาคม หลักสูตรกลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี โดยมีการวิเคราะห์หลักสูตรริเริ่มพัฒนารายวิชาและหน่วยการเรียนรู้ในรายวิชาพื้นฐานและเพิ่มเติมในสาขาวิชาชีววิทยาทุกรายวิชาให้สอดคล้องกับมาตรฐานการเรียนรู้ และตัวชี้วัด(วิชาพื้นฐาน)/)ผลการเรียนรู้ (วิชาเพิ่มเติม) ตามหลักสูตรแกนกลางพุทธศักราช 2551 (ฉบับปรับปรุง 2560) เพื่อให้ ผู้เรียนได้พัฒนาสมรรถนะและการเรียนรู้เต็มตามศักยภาพเพื่อให้คุณภาพการจัดการเรียนรู้สูงขึ้นและเป็นแบบอย่าง ที่ดีในการสร้างและพัฒนาหลักสูตร
ผลลัพธ์ (Outcomes)
ได้หลักสูตรสถานศึกษา
นักเรียนได้เรียนตรงตามหลักสูตรสถานศึกษา ดังนี้
-รายวิชาวิทยาศาสตร์ชีวภาพ
-รายวิชาชีววิทยา 1
-รายวิชาชีววิทยา 2
-รายวิชาชีววิทยา 3
-รายวิชาชีววิทยา 4
-รายวิชาชีววิทยา 5
-รายวิชาชีววิทยา 6
-รายวิชาวิทยาศาสตร์โลก และอวกาศ
ตัวชี้วัด (Indicators)
นักเรียนร้อยละ 60 ที่ได้เรียนตามหลักสูตรที่สร้างขึ้นในรายวิชาชีววิทยา 2 ชีววิทยา 4 และชีววิทยา 6 และวิชาวิทยาศาสตร์โลกและอวกาศ มีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนผ่านเกณฑ์ร้อยละ 60 (เกรด 2.0) ขึ้นไป **ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนทุกรายวิชาที่สอนในภาคเรียนที่ 2/67**
1.2 การออกแบบการจัดการเรียนรู้
มีการออกแบบการจัดการเรียนรู้โดยจัดทำแผนการจัดการเรียนรู้รายวิชาชีววิทยา 2 สำหรับนักเรียน ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4/1 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2567 เพื่อพัฒนาคุณภาพผู้เรียนให้มีความรู้ ทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ คุณลักษณะประจำวิชาและคุณลักษณะอันพึงประสงค์ ด้านความมุ่งมั่นในการทำงาน และสมรรถนะที่สำคัญอันได้แก่ ความสามารถในการคิด และความสามารถในการสื่อสารตามหลักสูตรโรงเรียนเวียงเชียงรุ้งวิทยาคม โดยมีการริเริ่มนำกระบวนการจัดการเรียนรู้แบบวัฎจักรสืบเสาะหาความรู้ 5 ขั้น (5E) มาใช้ทั้งนี้เพื่อให้ผู้เรียนได้เกิดกระบวนการคิดและค้นพบองค์ความรู้ด้วยตนเอง และสร้างแรงบันดาลใจและเป็นแบบอย่างที่ดีในการออกแบบการจัดการเรียนรู้
ผลลัพธ์ (Outcomes)
ผู้เรียนได้เรียนรู้โดยใช้กระบวนการเรียนรู้แบบวัฏจักรสืบเสาะหาความรู้แบบ 5 ขั้น (5E) ) ในรายวิชาชีววิทยา 2
ตัวชี้วัด (Indicators)
ผู้เรียนมีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิชาชีววิทยา 2 เฉลี่ยร้อยละ 60 ขึ้นไป ผู้เรียนร้อยละ 60 มีทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ผ่านเกณฑ์ในระดับคุณภาพดี(2)ขึ้นไป ผู้เรียนร้อยละ 60 มีคุณลักษณะ อันพึงประสงค์ผ่านเกณฑ์ในระดับคุณภาพดีขึ้นไป ผู้เรียนร้อยละ 60 มีสมรรถนะสำคัญผ่านเกณฑ์ในระดับคุณภาพดีขึ้นไป
1.3. การจัดกิจกรรมการเรียนรู้
ในการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ได้มีการริเริ่มและพัฒนาการจัดการเรียนรู้ โดยใช้กระบวนการจัดการเรียนรู้แบบวัฎจักรสืบเสาะหาความรู้แบบ 5 ขั้น (5E) ในการจัดการเรียนรู้รายวิชาชีววิทยา 2 สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4/1 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2567 ทำให้ผู้เรียนได้พัฒนาเต็มตามศักยภาพ มีการเรียนรู้และทำงานร่วมกัน มีกระบวนการคิด และค้นพบองค์ความรู้ด้วยตนเอง และสร้างแรงบันดาลใจ และเป็นแบบอย่างที่ดีในการจัดกิจกรรมการเรียนรู้
ผลลัพธ์ (Outcomes)
ผู้เรียนได้เรียนรู้เนื้อหาในรายวิชาชีววิทยา 2 ผ่านกระบวนการเรียนรู้แบบวัฏจักรการสืบเสาะหาความรู้ 5 ขั้น (5E)
ตัวชี้วัด (Indicators)
ผู้เรียนมีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิชาชีววิทยา 2 เฉลี่ยร้อยละ 60 ขึ้นไป
1.4. การสร้างและหรือพัฒนาสื่อนวัตกรรมและเทคโนโยลยี และแหล่งเรียนรู้
มีการริเริ่ม คิดค้นและพัฒนาสื่อสร้างนวัตกรรม เทคโนโลยีและแหล่งเรียนรู้ ในรูปแบบของชุดกิจกรรมการเรียนรู้ การใช้สื่อประเภทวีดีทัศน์ประกอบการสอน สื่อจากของจริง การใช้เทคโนโลยีเช่น กล้องจุลทรรศน์ ทำให้ผู้เรียนมีทักษะการคิดและสามารถสร้างนวัตกรรมได้และเป็นแบบอย่างที่ดีในการสร้างและพัฒนาสื่อและนวัตกรรม
ผลลัพธ์ (Outcomes)
ผู้เรียนได้เรียนรู้ผ่านสื่อที่ครูใช้หรือสร้างขึ้น ผู้เรียนสามารถสร้างผลงานที่สะท้อนทักษะการคิดของตนเองได้
ตัวชี้วัด (Indicators)
ผู้เรียนร้อยละ 80 สามารถสร้างผลงานที่สะท้อนทักษะการคิดของตนเองได้
1.5. การวัดและประเมินผลการจัดการเรียนรู้
มีการริเริ่ม คิดค้นและพัฒนารูปแบบการวัดและประเมินผลการเรียนรู้ตามสภาพจริง ด้วยวิธีการที่หลากหลายครอบคลุมทั้งด้านความรู้ (K) ด้านทักษะ (P) และด้านเจตคติ โดยมีการทดสอบความรู้ทั้งแบบออนไลน์และออฟไลน์ แบบประเมินทักษะ แบบประเมินคุณลักษณะ แบบประเมินสมรรถนะ แบบประเมินผงานต่างๆ ที่สอดคล้องกับมาตรฐานการเรียนรู้ ตัวชี้วัดหรือผลการเรียนรู้ และจุดประสงค์การเรียนรู้ ดำเนินการวัดและประเมินผลตามสภาพจริง เพื่อปรับปรุงและพัฒนา เพื่อให้ผู้เรียนได้พัฒนาการเรียนรู้อย่างต่อเนื่อง และเป็นแบบอย่างที่ดีในการวัดและประเมินผลการเรียนรู้
ผลลัพธ์ (Outcomes)
ผู้เรียนได้รับการวัดผลประเมินผลตามสภาพจริงด้วยวิธีการที่หลากหลาย
ตัวชี้วัด (Indicators)
นักเรียนร้อยละ 60 ที่เรียนในรายวิชาชีววิทยา 2 ชีววิทยา 4 และชีววิทยา 6 และวิชาวิทยาศาสตร์โลกและอวกาศ มีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนผ่านเกณฑ์ร้อยละ 60 (เกรด 2.0) ขึ้นไป **ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนทุกรายวิชาที่สอนในภาคเรียนที่ 2/67**
1.6. การศึกษา วิเคราะห์ สังเคราะห์ เพื่อแก้ปัญหาหรือพัฒนาการเรียนรู้
มีการศึกษา วิเคราะห์ และสังเคราะห์ เพื่อแก้ปัญหาหรือพัฒนาการเรียนรู้ด้วยวิธีการวิจัยในชั้นเรียนโดยมีการสรุปผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนในเนื้อหาเรื่อง การถ่ายทอดลักษณะทางพันธุกรรม ในวิชาชีววิทยา 2 ของ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4/1 ปีการศึกษา 2567 รวมถึงมีการวิเคราะห์ผู้เรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4/1 เพื่อหาแนวทางในการแก้ปัญหาและพัฒนาผลการเรียนรู้ในเนื้อหาดังกล่าวให้สูงขึ้น และเป็นแบบอย่างที่ดีในการศึกษาวิเคราะห์และสังเคราะห์ เพื่อแก้ไขปัญหาและพัฒนาการเรียนรู้
ผลลัพธ์ (Outcomes)
ผลการวิเคราะห์ ผู้เรียนของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4/1 ในรายวิชาชีววิทยา 2 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2567 ผลการแก้ไขและพัฒนาผู้เรียน
ตัวชี้วัด (Indicators)
ผู้เรียนมีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนในวิชาชีววิทยา 2 เรื่อง การถ่ายทอดลักษณะทางพันธุกรรม โดยเฉลี่ย สูงกว่าร้อยละ 60
1.7. จัดบรรยากาศที่ส่งเสริมและพัฒนาผู้เรียน
มีการริเริ่ม คิดค้น และพัฒนาการจัดบรรยากาศในการเรียนรู้วิชาชีววิทยาที่เหมาะสมสอดคล้องกับความแตกต่างของผู้เรียนเป็นรายบุคคล สามารถแก้ปัญกาการเรียนรู้ส่งเสริมและพัฒนาผู้เรียนให้เกิดกระบวนการคิด ทักษะชีวิต ทักษะการทำงานทักษะการเรียนรู้และนวัตกรรม มีการใช้สื่อเทคโนโลยีประกอบการจัดการเรียนรู้ส่งเสริมให้ผู้เรียนได้ออกแบบและสร้างชิ้นงานโดยใช้ทักษะด้านสารสนเทศ และเทคโนโลยีและเป็นแบบอย่างที่ดีในการจัดบรรยากาศที่ส่งเสริมและพัฒนาผู้เรียน
ผลลัพธ์ (Outcomes)
นักเรียนมีความ พึงพอใจต่อการจัด การเรียนรู้ และการจัดบรรยากาศในการ เรียนรู้
ตัวชี้วัด (Indicators)
นักเรียนมีความพึงพอใจต่อการจัดการเรียนรู้ การจัดบรรยากาศในการเรียนรู้ในระดับมากขึ้นไป
1.8. อบรมและพัฒนาคุณลักษณะที่ดีของผู้เรียน
มีการอบรมบ่มนิสัยให้ผู้เรียนมีคุณธรรม จริยธรรม คุณลักษณะอันพึงประสงค์ และค่านิยมความเป็นไทยที่ดีงามโดยสอดแทรกหลักธรรมผ่านการจัดกิจกรรมการเรียนการสอน และการโฮมรูมอย่างต่อเนื่อง และสม่ำเสมอและเป็นแบบอย่างที่ดีในการอบรมและพัฒนคุณลักษณะที่ดีของผู้เรียน
ผลลัพธ์ (Outcomes)
นักเรียนมีคุณธรรม จริยธรรม คุณลักษณะอันพึงประสงค์ และค่านิยมตามเกณฑ์
ตัวชี้วัด (Indicators)
ร้อยละ 80 ของนักเรียนมีคุณลักษณะอันพึงประสงค์ผ่านเกณฑ์ในระดับคุณภาพ 2 ขึ้นไป **ทุกรายวิชาที่สอนในภาคเรียนที่ 2/67**
ตารางสอน
นักเรียนได้ศึกษาเรียนรู้ด้วยตนเอง
นักเรียนได้ใช้ AI ในการศึกษาค้นคว้าด้วยตนเอง
2. งานที่จะปฏิบัติตามมาตรฐานตำแหน่งครู
2.ด้านการส่งเสริมและสนับสนุน การจัดการเรียนรู้
ข้าพเจ้าได้ดำนเนินการจัดการเรียนรู้ ดังต่อไปนี้
การจัดทำข้อมูลสารสนเทศของผู้เรียน
และรายวิชา
การดำเนินการตามระบบดูแลช่วยเหลือผู้เรียน
การปฏิบัติงานวิชาการและงานอื่น ๆ ของสถานศึกษา
และการประสานความร่วมมือกับผู้ปกครอง
ภาคีเครือข่าย และหรือสถานประกอบการ
งาน (Tasks)
จัดทำระเบียบสะสมของนักเรียนประจำชั้น ม.5/1
ดำเนินงานระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียน
ปฏิบัติงานตามโครงการตามนโยบาย เช่น โรงเรียนวิถีพุทธ โรงเรียนต้านทุจริต โรงเรียนสีขาว
ปลอดยาเสพติด
ผลลัพธ์ (Outcomes)
ตัวชี้วัด (Indicators)
ตารางสอน
นักเรียนได้ศึกษาเรียนรู้ด้วยตนเอง
นักเรียนได้ใช้ AI ในการศึกษาค้นคว้าด้วยตนเอง
2. งานที่จะปฏิบัติตามมาตรฐานตำแหน่งครู
3.ด้านการพัฒนาตนเองและวิชาชีพ
ลักษณะงานที่เสนอให้ครอบคลุมถึง การพัฒนาตนเองอย่างเป็นระบบ และต่อเนื่อง การมีส่วนร่วม ในการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ทางวิชาชีพ เพื่อพัฒนาการจัดการเรียนรู้ และการนำความรู้ความสามารถ ทักษะที่ได้จากการพัฒนาตนเอง และวิชาชีพมาใช้ในการพัฒนา การจัดการเรียนรู้ การพัฒนาคุณภาพ ผู้เรียน และการพัฒนานวัตกรรม การจัดการเรียนรู้
งาน (Tasks)
จัดทำหลักสูตรการเรียนรู้
จัดกิจกรรมการเรียนรู้
สร้างและหรือพัฒนาสื่อ นวัตกรรมเทคโนโลยี และพัฒนาแหล่งเรียนรู้
วัดและประเมินผลการจัดการเรียนรู้
การศึกษา วิเคราะห์ สังเคราะห์
เพื่อแก้ปัญหาหรือพัฒนาการเรียนรู้
จัดบรรยากาศที่ส่งเสริมและพัฒนาผู้เรียน และการอบรมและพัฒนา
พัฒนาคุณลักษณะที่ดีของผู้เรียน
ผลลัพธ์ (Outcomes)
ตัวชี้วัด (Indicators)
ตารางสอน
นักเรียนได้ศึกษาเรียนรู้ด้วยตนเอง
นักเรียนได้ใช้ AI ในการศึกษาค้นคว้าด้วยตนเอง
องค์ประกอบที่ 1: การประเมินประสิทธิภาพและประสิทธิผลการปฏิบัติงาน
ด้านการจัดการเรียนรู้:
1. สร้างและหรือพัฒนาหลักสูตร
รายละเอียด2. ออกแบบการจัดการเรียนรู้
รายละเอียด3. จัดกิจกรรมการเรียนรู้
รายละเอียด4. สร้างและหรือพัฒนาสื่อ นวัตกรรม เทคโนโลยี และแหล่งเรียนรู้
รายละเอียด5. วัดและประเมินผลการเรียนรู้
รายละเอียด6. ศึกษา วิเคราะห์ สังเคราะห์ เพื่อแก้ปัญหา หรือพัฒนาการเรียนรู้
รายละเอียด7. จัดบรรยากาศที่ส่งเสริมและพัฒนาผู้เรียน
รายละเอียด8. อบรมและพัฒนาคุณลักษณะที่ดีของผู้เรียน
รายละเอียดองค์ประกอบที่ 2: ข้อตกลงในการพัฒนางานที่เป็นประเด็นท้าทาย
การพัฒนากิจกรรมการเรียนรู้โดยใช้บริบทเป็นฐานร่วมกับ infographic เพื่อส่งเสริมการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเจตคติต่อวิทยาศาสตร์เรื่องอาหารสำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2568
บทคัดย่อ
สภาพปัญหา
ในการจัดการเรียนรู้วิชาวิทยาศาสตร์กายภาพ เรื่อง อาหาร สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 ที่ผ่านมา พบว่านักเรียนมีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนต่ำ ทั้งนี้เนื่องจากเนื้อหาดังกล่าวค่อนข้างยากต่อการทำความเข้าใจของผู้เรียน ประกอบกับนักเรียนที่เรียนในเนื้อหาวิชาดังกล่าวเป็นนักเรียนที่เรียนในโปรแกรมวิทยาศาสตร์และโปรแกรมศิลป์ภาษา ซึ่งมีพื้นฐานทางด้านวิทยาศาสตร์แตกต่างกันค่อนข้างมาก จึงทำให้มีนักเรียนเพียงส่วนน้อยที่มีผลสัมฤทธิ์ผ่านเกณฑ์ในระดับสูง ดังนั้น ครูผู้สอนจึงได้จัดทำข้อตกลงในการพัฒนางานประเด็นท้าทาย โดยการวิจัยเพื่อพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนในเนื้อหาวิชาดังกล่าว หัวข้อการวิจัยคือ การพัฒนากิจกรรมการเรียนรู้โดยใช้บริบทเป็นฐานร่วมกับ infographic เพื่อส่งเสริมการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเจตคติต่อวิทยาศาสตร์ เรื่อง อาหาร สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5
วิธีการดำเนินการ
1.วิชาวิทยาศาสตร์กายภาพ ภาคเรียนที่ 1/2568
วิเคราะห์หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551(ฉบับปรับปรุงพุทธศักราช 2561)
และหลักสูตรสถานศึกษาโรงเรียนเวียงเชียงรุ้งวิทยาคม ในเรื่องของมาตรฐานการเรียนรู้ และผลการเรียนรู้
ของเนื้อหา เรื่อง อาหาร
2.ศึกษาเอกสาร และงานวิจัยที่เกี่ยวข้องกับ เพื่อนำมาวางแผนในการวิจัย เรื่อง
การพัฒนากิจกรรมการเรียนรู้โดยใช้บริบทเป็นฐานร่วมกับ infographic
เพื่อส่งเสริมการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเจตคติต่อวิทยาศาสตร์ เรื่อง อาหาร
สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5
3.สร้างเครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ แผนการจัดการเรียนรู้ แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน
เรื่อง อาหาร แบบวัดเจตคติทางวิทยาศาสตร์
4.ทดลองและหาคุณภาพเครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย
5.ปรับปรุงคุณภาพเครื่องมือให้ได้คุณภาพตามเกณฑ์
6.นำเครื่องมือที่สร้างขึ้นไปใช้กับผู้เรียน
7.รวบรวมข้อมูลจากการวิจัย วิเคราะห์ข้อมูล
8.สรุปและอภิปรายผลการวิจัย
ผลที่ได้รับ
3.1 เชิงปริมาณ
นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 ที่ได้รับการสอนโดยใช้กิจกรรมการเรียนรู้โดยใช้บริบทเป็นฐานร่วมกับ
infographic เพื่อส่งเสริมการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเจตคติต่อวิทยาศาสตร์ เรื่อง อาหาร
ในวิชาวิทยาศาสตร์กายภาพ ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2568
มีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนหลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียน โดยมีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนเฉลี่ยสูงกว่าร้อยละ
75 ขึ้นไป
3.2 เชิงคุณภาพ
การกิจกรรมการเรียนรู้โดยใช้บริบทเป็นฐานร่วมกับ infographic
เพื่อส่งเสริมการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเจตคติต่อวิทยาศาสตร์ เรื่อง อาหาร ในวิชาวิทยาศาสตร์กายภาพ
1 ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2568 มีประสิทธิภาพเป็นไปตามเกณฑ์
75/75
1. นักเรียนร้อยละ 75 มีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน วิชา ชีววิทยา สูงขึ้น
1. บทคัดย่อ
WORD2. บทที่ 1 บทนำ
WORD3. บทที่ 2 เอกสารและงานวิจัยที่เกี่ยวข้อง
WORD4. บทที่ 3 วิธีการดำเนินการ
WORD
ประเด็นท้าทาย
ประเด็นท้าทาย
ประเด็นท้าทาย
สร้างและหรือพัฒนาหลักสูตร
ข้าพเจ้าได้ดำเนินการสร้างและพัฒนาหลักสูตรวิชาเคมีตามกระบวนการสร้างกระบวนการสร้างและ/หรือพัฒนาหลักสูตรการเรียนรู้ที่มีประสิทธิภาพ ดังต่อไปนี้
ขั้นตอนที่ 1: การวิเคราะห์ความต้องการ (Needs Analysis)
เป็นขั้นตอนแรกและสำคัญที่สุด
เพื่อให้แน่ใจว่าหลักสูตรที่จะสร้างขึ้นนั้นตอบโจทย์และแก้ปัญหาได้อย่างแท้จริง
กิจกรรม: ใครคือผู้เรียน? พวกเขามีความรู้พื้นฐานอะไรบ้าง? ทักษะเดิม? ประสบการณ์? แรงจูงใจ? รูปแบบการเรียนรู้ที่ชอบ? ข้อจำกัด (เช่น เวลา, ทรัพยากร)? เครื่องมือ: แบบสอบถาม, สัมภาษณ์, Focus Group, การสังเกต, การวิเคราะห์ข้อมูลประชากร
กิจกรรม: บริบทองค์กร/สถาบัน: วิสัยทัศน์, พันธกิจ, เป้าหมายเชิงกลยุทธ์, ทรัพยากรที่มี (บุคลากร, งบประมาณ, เทคโนโลยี, สถานที่), วัฒนธรรมองค์กร. บริบทสังคม/ตลาด: แนวโน้มความต้องการทักษะในปัจจุบันและอนาคต, คู่แข่ง (ถ้าเป็นหลักสูตรเชิงพาณิชย์), กฎระเบียบข้อบังคับที่เกี่ยวข้อง. เครื่องมือ: SWOT Analysis, PESTEL Analysis, การวิเคราะห์เอกสารนโยบาย.
กิจกรรม: ผู้เรียนควรมีอะไร (Desired State) แต่ปัจจุบันมีอะไร (Current State)? ช่องว่างที่เหลือคือสิ่งที่หลักสูตรต้องเข้ามาเติมเต็ม. เครื่องมือ: Job Analysis (สำหรับหลักสูตรสายอาชีพ), Competency Mapping, การประเมินผลการปฏิบัติงาน, Benchmarking.
ตารางสอน
นักเรียนได้ศึกษาเรียนรู้ด้วยตนเอง
นักเรียนได้ใช้ AI ในการศึกษาค้นคว้าด้วยตนเอง
ออกแบบการจัดการเรียนรู้
รายละเอียดเกี่ยวกับการออกแบบการจัดการเรียนรู้
สื่อการเรียนรู้
สื่อการเรียนรู้
สื่อการเรียนรู้
จัดกิจกรรมการเรียนรู้
รายละเอียดเกี่ยวกับการจัดกิจกรรมการเรียนรู้
จัดกิจกรรมการเรียนรู้ แบบสืบเสาะความรู้(7E)
จัดกิจกรรมการเรียนรู้ แบบสืบเสาะความรู้(7E)
จัดกิจกรรมการเรียนรู้ แบบสืบเสาะความรู้(7E)
ขั้นตอนการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนแบบสืบเสาะหาความรู้ 7 ขั้นตอน (7E Learning Cycle)
ซึ่งเป็นรูปแบบการสอนที่มุ่งเน้นให้ผู้เรียนสร้างองค์ความรู้ได้ด้วยตนเองผ่านกระบวนการต่างๆ โดยมีครูเป็นผู้ชี้แนะและอำนวยความสะดวกในการเรียนรู้
โมเดลการสอนนี้ได้รับการพัฒนาเพิ่มเติมมาจากรูปแบบ 5E เพื่อให้กระบวนการเรียนรู้ของผู้เรียนมีความสมบูรณ์และชัดเจนยิ่งขึ้น โดยมี 7 ขั้นตอน ดังนี้ครับ
ขั้นตอนการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนแบบสืบเสาะหาความรู้ 7 ขั้นตอน (7E Learning Cycle)
ขั้นที่ 1: ขั้นตรวจสอบความรู้เดิม (Elicitation Phase)
วัตถุประสงค์:
เพื่อทบทวนและดึงความรู้เดิมหรือประสบการณ์เดิมของผู้เรียนที่เกี่ยวข้องกับเรื่องที่จะเรียนออกมา
ซึ่งจะช่วยให้ครูประเมินความพร้อมและความเข้าใจพื้นฐานของผู้เรียนได้
บทบาทครู: ตั้งคำถาม, ใช้กิจกรรมสั้นๆ,
หรือใช้สถานการณ์จำลองเพื่อกระตุ้นให้ผู้เรียนแสดงความรู้เดิมที่มีอยู่
บทบาทผู้เรียน: ตอบคำถาม, แสดงความคิดเห็น, หรือเล่าประสบการณ์เดิมที่เชื่อมโยงกับหัวข้อใหม่
ขั้นที่ 2: ขั้นเร้าความสนใจ (Engagement Phase)
วัตถุประสงค์: เพื่อกระตุ้นความสนใจและความอยากรู้อยากเห็นของผู้เรียนเกี่ยวกับเรื่องที่จะเรียน
ทำให้ผู้เรียนเกิดคำถามและพร้อมที่จะค้นหาคำตอบ
บทบาทครู: นำเสนอสถานการณ์ที่น่าสนใจ, เล่าเรื่อง, แสดงวิดีโอ,
หรือทำการสาธิตที่แปลกใหม่และท้าทายความคิดของผู้เรียน
บทบาทผู้เรียน: สังเกตสถานการณ์ที่ครูนำเสนอ, เกิดความสงสัย
และเริ่มตั้งคำถามเกี่ยวกับปรากฏการณ์นั้นๆ
ขั้นที่ 3: ขั้นสำรวจและค้นหา (Exploration Phase)
วัตถุประสงค์: เปิดโอกาสให้ผู้เรียนได้ลงมือปฏิบัติ, ทดลอง, หรือสืบค้นข้อมูลด้วยตนเอง
เพื่อรวบรวมข้อมูลและหาคำตอบสำหรับคำถามที่ตั้งไว้
บทบาทครู: จัดเตรียมวัสดุอุปกรณ์, แนะนำแหล่งข้อมูล, และอำนวยความสะดวกในการทำกิจกรรม
โดยครูจะยังไม่สรุปหรือให้คำตอบที่ถูกต้อง
แต่จะคอยกระตุ้นด้วยคำถามเพื่อให้ผู้เรียนคิดและหาแนวทางด้วยตนเอง
บทบาทผู้เรียน: ลงมือปฏิบัติการทดลอง, ทำกิจกรรมกลุ่ม, สำรวจ, สังเกต, และรวบรวมข้อมูลต่างๆ
อย่างอิสระ
ขั้นที่ 4: ขั้นอธิบายและลงข้อสรุป (Explanation Phase)
วัตถุประสงค์: ให้ผู้เรียนนำข้อมูลที่ได้จากการสำรวจมาวิเคราะห์, อภิปราย,
และสร้างคำอธิบายหรือข้อสรุปที่เป็นแนวคิดหลักของบทเรียนร่วมกัน
บทบาทครู: กระตุ้นให้นักเรียนนำเสนอผลการสำรวจ,
ตั้งคำถามนำเพื่อช่วยให้ผู้เรียนเชื่อมโยงข้อมูลและสร้างข้อสรุป, อธิบายเพิ่มเติม
และให้คำศัพท์ทางวิชาการที่ถูกต้องเพื่อสร้างความเข้าใจที่ชัดเจน
บทบาทผู้เรียน: นำเสนอข้อมูลที่ค้นพบ, แลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับเพื่อน,
ร่วมกันอภิปรายเพื่อหาข้อสรุป และเชื่อมโยงความรู้ที่ได้กับหลักการหรือทฤษฎี
ขั้นที่ 5: ขั้นขยายความรู้ (Elaboration Phase)
วัตถุประสงค์: เพื่อส่งเสริมให้ผู้เรียนนำความรู้ที่สร้างขึ้นไปประยุกต์ใช้ในสถานการณ์ใหม่ๆ
หรือเชื่อมโยงกับความรู้เรื่องอื่นๆ ทำให้เกิดความเข้าใจที่ลึกซึ้งและกว้างขวางขึ้น
บทบาทครู:
ตั้งคำถามหรือกำหนดสถานการณ์ใหม่ที่ท้าทายให้ผู้เรียนได้ใช้ความรู้ที่เพิ่งเรียนไปในการแก้ปัญหา
บทบาทผู้เรียน: นำความรู้ที่ได้เรียนรู้ไปใช้แก้ปัญหาในโจทย์หรือสถานการณ์อื่นๆ,
ศึกษาค้นคว้าเพิ่มเติมในประเด็นที่เกี่ยวข้อง
ขั้นที่ 6: ขั้นประเมินผล (Evaluation Phase)
วัตถุประสงค์: เพื่อประเมินว่าผู้เรียนมีความเข้าใจในแนวคิดหลักของบทเรียนมากน้อยเพียงใด
ทั้งจากการประเมินตนเองของนักเรียน และการประเมินโดยครู
บทบาทครู: สังเกตพฤติกรรม, ประเมินจากผลงาน, การตอบคำถาม, การทำแบบทดสอบ
หรือใช้วิธีการประเมินที่หลากหลายตามสภาพจริง
บทบาทผู้เรียน: ประเมินความเข้าใจของตนเอง, ตรวจสอบว่าสามารถอธิบายแนวคิดหลักได้หรือไม่
และแสดงความรู้ความสามารถผ่านการวัดผลในรูปแบบต่างๆ
ขั้นที่ 7: ขั้นนำความรู้ไปใช้ (Extension Phase)
วัตถุประสงค์: เป็นขั้นที่ต่อยอดจากการขยายความรู้
โดยมุ่งเน้นให้ผู้เรียนนำความรู้และทักษะที่ได้ไปประยุกต์ใช้จริงในชีวิตประจำวัน
หรือสร้างสรรค์เป็นชิ้นงาน/โครงงานใหม่ๆ ที่สะท้อนถึงการเรียนรู้อย่างแท้จริง
บทบาทครู: มอบหมายโครงงาน, ชี้แนะแนวทางการนำความรู้ไปใช้ประโยชน์ในสังคมหรือสถานการณ์จริง
บทบาทผู้เรียน: สร้างสรรค์ผลงาน, ทำโครงงาน, หรือนำความรู้ไปแก้ปัญหาในชีวิตประจำวัน
ซึ่งเป็นการแสดงให้เห็นถึงการเรียนรู้ที่ยั่งยืน
การจัดการเรียนการสอนแบบสืบเสาะหาความรู้ 7 ขั้นตอนนี้ จะช่วยให้ผู้เรียนได้พัฒนาทักษะกระบวนการคิดขั้นสูง, ทักษะการแก้ปัญหา, และสามารถสร้างองค์ความรู้ที่คงทนได้ด้วยตนเอง ซึ่งสอดคล้องกับหลักการจัดการศึกษาที่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญอย่างแท้จริงครับ
สร้างและหรือพัฒนาสื่อ นวัตกรรม เทคโนโลยี และแหล่งเรียนรู้
รายละเอียดเกี่ยวกับการสร้างและพัฒนาสื่อ นวัตกรรม เทคโนโลยี และแหล่งเรียนรู้
สื่อการเรียนรู้
สื่อการเรียนรู้
สื่อการเรียนรู้
วัดและประเมินผลการเรียนรู้
รายละเอียดเกี่ยวกับการวัดและประเมินผลการเรียนรู้
วัดและประเมินผลการเรียนรู้
วัดและประเมินผลการเรียนรู้
วัดและประเมินผลการเรียนรู้
วิธีการประเมินผลการเรียนรู้ ตามหลักสูตรแกนกลาง พ.ศ. 2551
1. การสังเกตพฤติกรรม2. การสอบปากเปล่า
3. การพูดคุย
4. การใช้คำถาม
5. การเขียนสะท้อนการเรียนรู้
6. การประเมินการปฏิบัติ
7. การประเมินด้วยแฟ้มสะสมงาน
8. การวัดและประเมินด้วยแบบทดสอบ
9. การประเมินด้านความรู้สึกนึกคิด
10. การประเมินตามสภาพจริง
11. การประเมินตนเองของผู้เรียน
12. การประเมินโดยเพื่อน
ภาระงาน(Task)
การประเมินผลการเรียนรู้ตามหลักสูตรแกนกลาง พ.ศ. 2551 โดยเน้น "ภาระงาน (Performance Task)" หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 (และฉบับปรับปรุง พ.ศ. 2560) ให้ความสำคัญกับการประเมินผลการเรียนรู้เพื่อพัฒนาผู้เรียน (Formative Assessment) และการประเมินเพื่อตัดสินผลการเรียนรู้ (Summative Assessment) โดยเน้นการประเมินตามสภาพจริง (Authentic Assessment) และการประเมินที่หลากหลาย เพื่อให้ได้ข้อมูลที่สะท้อนความสามารถที่แท้จริงของผู้เรียนอย่างรอบด้านแนวคิดสำคัญของการประเมินตามหลักสูตรฯ 2551:
1.ประเมินเพื่อพัฒนาผู้เรียน (Formative Assessment): มีวัตถุประสงค์เพื่อวินิจฉัยจุดเด่น จุดด้อย และให้ข้อมูลย้อนกลับแก่ผู้เรียนและครูผู้สอน เพื่อนำไปปรับปรุงและพัฒนาการเรียนการสอน
2.ประเมินเพื่อตัดสินผลการเรียนรู้ (Summative Assessment): มีวัตถุประสงค์เพื่อสรุปผลการเรียนรู้ของผู้เรียนเมื่อสิ้นสุดการเรียนรู้ในแต่ละหน่วย สาระ หรือรายวิชา
3.ความหลากหลายของการประเมิน: ไม่จำกัดเฉพาะการสอบข้อเขียน แต่รวมถึงการสังเกต, การสัมภาษณ์, การประเมินตนเอง, การประเมินโดยเพื่อน, แฟ้มสะสมงาน, และ ภาระงาน (Performance Task)
4.ความสอดคล้องกับการจัดการเรียนรู้: การประเมินต้องเป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการเรียนรู้ (Assessment as Learning) และเป็นไปเพื่อการเรียนรู้ (Assessment for Learning) ไม่ใช่แค่การประเมินเพื่อตัดสินเท่านั้น
ภาระงาน (Performance Task) ในการประเมินผลการเรียนรู้วิทยาศาสตร์
ภาระงาน (Performance Task) คือ การที่ผู้เรียนได้แสดงออกซึ่งความรู้ ความสามารถ ทักษะ และกระบวนการคิด ด้วยการลงมือปฏิบัติจริง หรือผลิตชิ้นงาน/ผลงาน ที่สะท้อนถึงการนำความรู้ไปประยุกต์ใช้ในการแก้ปัญหาหรือสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ โดยมีเกณฑ์การให้คะแนนที่ชัดเจน (Rubric)
องค์ประกอบสำคัญของภาระงานที่ดี:
1.ความหมายและบริบทที่สมจริง (Authenticity/Realistic Context): งานที่มอบหมายควรเป็นสถานการณ์ปัญหาหรือกิจกรรมที่ใกล้เคียงกับโลกจริง หรือการนำไปใช้ในชีวิตประจำวัน/อาชีพ
2.การบูรณาการความรู้และทักษะ (Integration of Knowledge & Skills): ไม่ใช่แค่การท่องจำ แต่เป็นการนำความรู้หลายๆ ด้าน ทักษะกระบวนการ (เช่น ทักษะทางวิทยาศาสตร์) และทักษะการคิด มาประยุกต์ใช้
3.เน้นกระบวนการและผลลัพธ์ (Process and Product): ประเมินทั้งวิธีการทำงาน (เช่น การวางแผน, การทดลอง, การทำงานกลุ่ม) และชิ้นงาน/ผลงานที่ได้
4.เปิดกว้างและยืดหยุ่น (Open-ended & Flexible): อาจมีแนวทางหรือวิธีการที่หลากหลายในการทำงานให้สำเร็จ ไม่ได้มีคำตอบที่ถูกเพียงหนึ่งเดียว
5.มีเกณฑ์การประเมินที่ชัดเจน (Clear Rubric): มีรูบิค (Rubric) ที่ระบุเกณฑ์การประเมินในแต่ละระดับคุณภาพ เพื่อให้ผู้เรียนทราบว่าต้องทำอะไรถึงจะประสบความสำเร็จ และครูผู้สอนใช้เป็นแนวทางในการให้คะแนน
ผลลัพธ์ (Outcomes)
หลักสูตรแกนกลางฯ 2551 ได้ให้ความสำคัญกับการประเมินเพื่อพัฒนา (Formative Assessment) และการประเมินเพื่อตัดสินผล (Summative Assessment) โดยมีแนวคิดหลักคือการประเมินตามสภาพจริง (Authentic Assessment) และการประเมินที่หลากหลาย เพื่อให้ได้ข้อมูลครบถ้วนเกี่ยวกับพัฒนาการของผู้เรียนทั้งด้านความรู้ ทักษะกระบวนการ และคุณลักษณะอันพึงประสงค์ผลลัพธ์ (Outcomes) ของวิธีการประเมินผลการเรียนรู้ ตามหลักสูตรแกนกลางฯ 2551 การประเมินผลการเรียนรู้ตามหลักสูตรแกนกลางฯ 2551 มีผลลัพธ์ที่สำคัญต่อผู้เรียน ครูผู้สอน สถานศึกษา และระบบการศึกษาโดยรวม ดังนี้
1. ผลลัพธ์ต่อผู้เรียน (Learner Outcomes):
1.1 การพัฒนาการเรียนรู้และศักยภาพส่วนบุคคล:
รู้จุดเด่น-จุดด้อย: ผู้เรียนได้รับข้อมูลย้อนกลับ (Feedback) ที่เฉพาะเจาะจง ทำให้รู้ว่าตนเองเข้าใจเรื่องใดดีแล้ว และมีจุดใดที่ต้องปรับปรุงหรือพัฒนาเพิ่มเติม
เกิดการเรียนรู้ด้วยตนเอง: การประเมินที่หลากหลายและต่อเนื่อง กระตุ้นให้ผู้เรียนเกิดการตรวจสอบความเข้าใจของตนเอง (Self-assessment) และวางแผนการเรียนรู้เพื่อปรับปรุงผลงาน
พัฒนาทักษะการคิดขั้นสูง: การประเมินตามสภาพจริง เช่น การทำโครงงาน, การแก้ปัญหา, การวิเคราะห์กรณีศึกษา ช่วยพัฒนาทักษะการคิดวิเคราะห์ สังเคราะห์ และการประยุกต์ใช้ความรู้
สร้างความรับผิดชอบและความภาคภูมิใจ: ผู้เรียนมีส่วนร่วมในการประเมินตนเองและรับผิดชอบต่อผลการเรียนรู้ของตนเอง เมื่อประสบความสำเร็จก็จะเกิดความภาคภูมิใจในตนเอง
1.2 การมีคุณลักษณะอันพึงประสงค์:
ส่งเสริมคุณธรรม จริยธรรม: การประเมินที่ไม่ได้เน้นเพียงความรู้ แต่รวมถึงการทำงานกลุ่ม ความซื่อสัตย์ การมีวินัย และความรับผิดชอบ ทำให้ผู้เรียนพัฒนาคุณลักษณะเหล่านี้
พัฒนาทักษะการทำงานร่วมกับผู้อื่น: การประเมินผลงานกลุ่ม หรือการประเมินโดยเพื่อน (Peer Assessment) ช่วยพัฒนาทักษะการสื่อสาร การทำงานเป็นทีม และการยอมรับความคิดเห็นผู้อื่น
1.3 การเตรียมพร้อมสำหรับการเรียนรู้ตลอดชีวิต:
ทักษะการแก้ปัญหา: การเผชิญกับโจทย์ที่ซับซ้อนและสถานการณ์จำลองในการประเมิน ช่วยให้ผู้เรียนพัฒนาทักษะการแก้ปัญหาที่นำไปใช้ในชีวิตจริงได้
ปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลง: ผู้เรียนเรียนรู้ที่จะปรับปรุงและพัฒนาตนเองอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเป็นทักษะสำคัญสำหรับการเรียนรู้ตลอดชีวิต
2. ผลลัพธ์ต่อครูผู้สอน (Teacher Outcomes):
2.1 การปรับปรุงและพัฒนาการจัดการเรียนการสอน:
ข้อมูลเพื่อปรับการสอน: ครูได้รับข้อมูลที่เป็นประโยชน์เกี่ยวกับความเข้าใจและปัญหาของผู้เรียน ทำให้สามารถปรับปรุงวิธีการสอน เนื้อหา หรือกิจกรรมให้เหมาะสมกับผู้เรียนมากขึ้น
ตรวจสอบประสิทธิภาพของหลักสูตร: ครูสามารถประเมินว่าเนื้อหาหรือกิจกรรมที่ออกแบบไว้เหมาะสมหรือไม่ สอดคล้องกับวัตถุประสงค์หรือไม่
พัฒนาตนเองอย่างต่อเนื่อง: ครูเรียนรู้จากผลการประเมินและนำไปพัฒนาทักษะการสอน การออกแบบกิจกรรม และการสร้างเครื่องมือประเมินของตนเอง
2.2 การวางแผนการสอนที่มีประสิทธิภาพ:
ออกแบบกิจกรรมที่เหมาะสม: เมื่อเข้าใจระดับความรู้และความสามารถของผู้เรียน ครูจะสามารถออกแบบกิจกรรมการเรียนรู้และเครื่องมือประเมินที่ท้าทายและเหมาะสมกับพัฒนาการของผู้เรียน
การวินิจฉัยและแก้ไขปัญหา: ช่วยให้ครูสามารถวินิจฉัยปัญหาการเรียนรู้ของผู้เรียนได้อย่างแม่นยำ และหาวิธีการแก้ไขหรือให้ความช่วยเหลือได้อย่างทันท่วงที
3. ผลลัพธ์ต่อสถานศึกษา (School Outcomes):
3.1 การพัฒนาคุณภาพการศึกษาของสถานศึกษา:
ยกระดับคุณภาพการเรียนรู้: ผลการประเมินที่สะท้อนถึงพัฒนาการของผู้เรียน ช่วยให้สถานศึกษาสามารถวางแผนและกำหนดนโยบายเพื่อยกระดับคุณภาพการจัดการเรียนการสอน
เป็นข้อมูลในการตัดสินใจ: ผู้บริหารสถานศึกษานำข้อมูลผลการประเมินไปใช้ในการตัดสินใจเกี่ยวกับทรัพยากร บุคลากร และแผนพัฒนาสถานศึกษา
3.2 การสร้างความเชื่อมั่นต่อผู้ปกครองและสังคม:
รายงานผลที่ชัดเจน: การประเมินที่หลากหลายและมีมาตรฐาน ทำให้สถานศึกษาสามารถรายงานผลการเรียนรู้ของนักเรียนแก่ผู้ปกครองได้อย่างชัดเจนและน่าเชื่อถือ
สร้างความไว้วางใจ: เมื่อระบบการประเมินมีคุณภาพและสะท้อนผลที่แท้จริง จะสร้างความไว้วางใจจากผู้ปกครอง ชุมชน และสังคมต่อสถานศึกษา
4. ผลลัพธ์ต่อระบบการศึกษา (System Outcomes):
4.1 การปรับปรุงหลักสูตรและมาตรฐานการเรียนรู้:
ข้อมูลสำหรับการพัฒนาหลักสูตร: ข้อมูลผลการประเมินในระดับใหญ่ (ระดับเขตพื้นที่, ระดับชาติ) เป็นข้อมูลสำคัญในการทบทวนและปรับปรุงหลักสูตรแกนกลางให้ทันสมัยและสอดคล้องกับความต้องการของสังคม
กำหนดนโยบายการศึกษา: หน่วยงานภาครัฐสามารถนำผลการประเมินไปใช้ในการกำหนดนโยบายและทิศทางการพัฒนาการศึกษาของประเทศ
4.2 การยกระดับคุณภาพครูและบุคลากรทางการศึกษา:
วางแผนการพัฒนาครู: ข้อมูลผลการประเมินช่วยให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องสามารถระบุความต้องการในการพัฒนาวิชาชีพครูและบุคลากรทางการศึกษาได้อย่างตรงจุด
ส่งเสริมคุณภาพการจัดการเรียนรู้:
กระตุ้นให้เกิดการแลกเปลี่ยนเรียนรู้และพัฒนาแนวปฏิบัติที่ดีในการประเมินผลการเรียนรู้ในวงกว้าง
กล่าวโดยสรุป การประเมินผลการเรียนรู้ตามหลักสูตรแกนกลางฯ 2551 ไม่ได้มุ่งเน้นเพียงการตัดสินผลการเรียนเท่านั้น แต่เป็นกระบวนการที่สำคัญในการขับเคลื่อนให้เกิดการพัฒนาการเรียนรู้ของผู้เรียน การจัดการเรียนการสอนของครู และคุณภาพการศึกษาของสถานศึกษาและประเทศชาติอย่างต่อเนื่องและยั่งยืน
ตัวชี้วัด (Indicators)
นักเรียนร้อยละ 100 ได้รับกาประเมินผลการเรียนรู้ตามหลักสูตรศึกษา วิเคราะห์ สังเคราะห์ เพื่อแก้ปัญหา หรือพัฒนาการเรียนรู้
รายละเอียดเกี่ยวกับการศึกษา วิเคราะห์ สังเคราะห์ เพื่อแก้ปัญหา หรือพัฒนาการเรียนรู้
สื่อการเรียนรู้
สื่อการเรียนรู้
สื่อการเรียนรู้
จัดบรรยากาศที่ส่งเสริมและพัฒนาผู้เรียน
รายละเอียดเกี่ยวกับการจัดบรรยากาศที่ส่งเสริมและพัฒนาผู้เรียน
ในฐานะผู้เชี่ยวชาญด้านการจัดบรรยากาศการเรียนรู้ ยินดีเป็นอย่างยิ่งที่จะแบ่งปันขั้นตอนการจัดการเรียนรู้ที่ส่งเสริมและกระตุ้นให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้อย่างมีประสิทธิภาพและมีความสุขครับ กระบวนการนี้เน้นการสร้างสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการเรียนรู้แบบองค์รวม โดยคำนึงถึงทั้งมิติทางกายภาพ สังคม และจิตใจของผู้เรียน ขั้นตอนการจัดการเรียนรู้ที่ส่งเสริมการเรียนรู้แก่ผู้เรียน กระบวนการนี้แบ่งเป็น 5 ขั้นตอนหลัก ซึ่งแต่ละขั้นตอนมีความสำคัญและเกื้อหนุนซึ่งกันและกัน: ขั้นตอนที่ 1: การเตรียมความพร้อมและสร้างแรงจูงใจ (Preparation & Motivation) เป็นขั้นตอนแรกเริ่มที่มุ่งเน้นการดึงดูดความสนใจและเชื่อมโยงสิ่งที่เรียนรู้กับตัวผู้เรียน 1.1 สร้างความสัมพันธ์ที่ดี (Build Rapport): กิจกรรม: ทักทายผู้เรียนอย่างเป็นกันเอง, จดจำชื่อ, แสดงความสนใจในตัวผู้เรียน, สร้างบรรยากาศที่เป็นมิตรและเปิดกว้าง. วัตถุประสงค์: ทำให้ผู้เรียนรู้สึกปลอดภัยและสบายใจที่จะเรียนรู้และมีส่วนร่วม. 1.2 กระตุ้นความสนใจและตั้งคำถาม (Hook & Questioning): กิจกรรม: เริ่มต้นด้วยคำถามชวนคิด, ปัญหาในชีวิตประจำวัน, เรื่องราวที่น่าสนใจ, สื่อ (ภาพ, วิดีโอ) ที่เกี่ยวข้อง, หรือกิจกรรมสั้นๆ ที่เชื่อมโยงกับเนื้อหา. วัตถุประสงค์: ดึงดูดความสนใจของผู้เรียนและเชื่อมโยงความรู้เดิมกับความรู้ใหม่. 1.3 แจ้งวัตถุประสงค์และประโยชน์ (State Objectives & Benefits): กิจกรรม: ชี้แจงวัตถุประสงค์ของการเรียนรู้ในบทเรียนนี้ให้ชัดเจนและเข้าใจง่าย รวมถึงบอกประโยชน์ที่ผู้เรียนจะได้รับจากการเรียนรู้ (เรียนรู้ไปทำไม? นำไปใช้อะไรได้บ้าง?). วัตถุประสงค์: ทำให้ผู้เรียนเห็นเป้าหมายและคุณค่าของการเรียนรู้ ช่วยสร้างแรงจูงใจภายใน. 1.4 ทบทวนความรู้พื้นฐาน (Activate Prior Knowledge): กิจกรรม: ตั้งคำถาม, ให้อภิปราย, หรือทำแบบทดสอบสั้นๆ เพื่อกระตุ้นความรู้เดิมที่เกี่ยวข้อง. วัตถุประสงค์: เชื่อมโยงความรู้ใหม่กับสิ่งที่ผู้เรียนรู้อยู่แล้ว ทำให้การเรียนรู้เป็นไปอย่างราบรื่น. ขั้นตอนที่ 2: การนำเสนอเนื้อหาและจัดประสบการณ์การเรียนรู้ (Content Delivery & Learning Experiences) หัวใจหลักของการจัดการเรียนรู้ ที่เน้นความหลากหลายและผู้เรียนมีส่วนร่วม 2.1 นำเสนอเนื้อหาอย่างชัดเจนและมีโครงสร้าง (Clear & Structured Content): กิจกรรม: จัดลำดับเนื้อหาจากง่ายไปหายาก, ใช้ภาษาที่เข้าใจง่าย, ใช้สื่อประกอบที่หลากหลาย (ภาพ, วิดีโอ, แผนภาพ), สรุปประเด็นสำคัญ. วัตถุประสงค์: ช่วยให้ผู้เรียนเข้าใจเนื้อหาได้ง่ายและเป็นระบบ. 2.2 จัดกิจกรรมการเรียนรู้ที่หลากหลาย (Diverse Learning Activities): กิจกรรม: เรียนรู้แบบมีส่วนร่วม (Active Learning): อภิปรายกลุ่ม, ระดมสมอง, กรณีศึกษา, โครงงาน, การจำลองสถานการณ์, บทบาทสมมติ. เรียนรู้จากประสบการณ์ (Experiential Learning): การทดลอง, การลงมือปฏิบัติ, การสำรวจ, การทัศนศึกษา. เรียนรู้แบบร่วมมือ (Collaborative Learning): ทำงานกลุ่ม, แลกเปลี่ยนความคิดเห็น, ช่วยเหลือซึ่งกันและกัน. วัตถุประสงค์: รองรับรูปแบบการเรียนรู้ที่แตกต่างกัน, กระตุ้นการคิดวิเคราะห์, สร้างทักษะการทำงานร่วมกัน, ทำให้การเรียนรู้ไม่น่าเบื่อ. 2.3 ให้โอกาสผู้เรียนแสดงความคิดเห็นและตั้งคำถาม (Encourage Participation & Questioning): กิจกรรม: เปิดโอกาสให้ผู้เรียนถามคำถาม, แสดงความคิดเห็น, ไม่ตัดสินผิดถูก, สร้างบรรยากาศที่ผู้เรียนกล้าที่จะผิดพลาดและเรียนรู้จากข้อผิดพลาด. วัตถุประสงค์: ส่งเสริมการคิดเชิงวิพากษ์, สร้างความกล้าแสดงออก, และทำให้ผู้สอนเข้าใจความเข้าใจของผู้เรียน. 2.4 ใช้เทคโนโลยีอย่างเหมาะสม (Appropriate Use of Technology): กิจกรรม: ใช้เครื่องมือดิจิทัล, แพลตฟอร์มการเรียนรู้ออนไลน์, หรือแอปพลิเคชันที่ช่วยเสริมการเรียนรู้. วัตถุประสงค์: ทำให้การเรียนรู้ทันสมัย, เข้าถึงง่าย, และสร้างความน่าสนใจ. ขั้นตอนที่ 3: การให้การเสริมแรงและการอำนวยความสะดวก (Reinforcement & Facilitation) บทบาทของผู้สอนในการสนับสนุนและนำทางผู้เรียน 3.1 ให้ข้อมูลย้อนกลับอย่างสร้างสรรค์ (Provide Constructive Feedback): กิจกรรม: ให้คำแนะนำที่เฉพาะเจาะจงและทันท่วงที ทั้งในส่วนที่ทำได้ดีและส่วนที่ต้องปรับปรุง. เน้นการพัฒนา ไม่ใช่การตัดสิน. วัตถุประสงค์: ช่วยให้ผู้เรียนเข้าใจจุดแข็งจุดอ่อนของตนเองและสามารถพัฒนาต่อไปได้. 3.2 ส่งเสริมการเรียนรู้แบบร่วมมือ (Foster Collaborative Learning): กิจกรรม: จัดกลุ่มเรียนรู้, มอบหมายงานกลุ่ม, สนับสนุนให้ผู้เรียนช่วยเหลือและสอนซึ่งกันและกัน. วัตถุประสงค์: สร้างทักษะทางสังคม, การทำงานเป็นทีม, และมุมมองที่หลากหลาย. 3.3 เป็นผู้แนะนำและอำนวยความสะดวก (Be a Facilitator): กิจกรรม: ไม่ใช่แค่ผู้ถ่ายทอดความรู้ แต่เป็นผู้ชี้แนะ, ตั้งคำถามนำ, ให้คำปรึกษา, และช่วยแก้ปัญหาเมื่อผู้เรียนติดขัด. วัตถุประสงค์: ส่งเสริมการเรียนรู้ด้วยตนเอง, การคิดวิเคราะห์, และการแก้ปัญหา. 3.4 บริหารจัดการเวลาและชั้นเรียน (Manage Time & Classroom Effectively): กิจกรรม: วางแผนการใช้เวลาอย่างเหมาะสม, จัดการพฤติกรรมในชั้นเรียนอย่างสร้างสรรค์เพื่อให้เกิดบรรยากาศที่เอื้อต่อการเรียนรู้. วัตถุประสงค์: สร้างสภาพแวดล้อมที่ผู้เรียนมีสมาธิและมีเวลาเพียงพอในการทำกิจกรรม. ขั้นตอนที่ 4: การสรุปและบูรณาการความรู้ (Summarization & Integration) ช่วยผู้เรียนประมวลผลสิ่งที่ได้เรียนรู้และเชื่อมโยงเข้าด้วยกัน 4.1 สรุปบทเรียน (Summarize Key Learnings): กิจกรรม: ผู้สอนสรุปประเด็นสำคัญของบทเรียน หรือให้ผู้เรียนช่วยกันสรุป อาจใช้ Mind Map หรือแผนภาพ. วัตถุประสงค์: ย้ำเตือนความรู้หลัก, ตรวจสอบความเข้าใจ, และจัดระบบความคิด. 4.2 เชื่อมโยงความรู้ (Connect Knowledge): กิจกรรม: ชี้ให้เห็นความเชื่อมโยงของเนื้อหาที่เรียนกับบทเรียนอื่นๆ, ชีวิตประจำวัน, หรือสถานการณ์จริง. วัตถุประสงค์: ทำให้ความรู้มีความหมาย, คงทน, และสามารถนำไปประยุกต์ใช้ได้. 4.3 ให้โอกาสในการสะท้อนคิด (Opportunity for Reflection): กิจกรรม: ให้ผู้เรียนเขียนบันทึกการเรียนรู้, ตอบคำถามสั้นๆ เกี่ยวกับสิ่งที่ได้เรียนรู้, หรืออภิปรายว่าตนเองได้เรียนรู้อะไรบ้าง. วัตถุประสงค์: ส่งเสริมการเรียนรู้เชิงลึกและการเข้าใจตนเอง. ขั้นตอนที่ 5: การประเมินผลและการประเมินเพื่อพัฒนา (Assessment for Learning & of Learning) วัดผลเพื่อตรวจสอบความเข้าใจและเพื่อนำไปปรับปรุงการเรียนรู้ 5.1 ประเมินผลเพื่อพัฒนา (Formative Assessment): กิจกรรม: ใช้แบบฝึกหัด, คำถามระหว่างเรียน, การสังเกตการณ์ทำกิจกรรม, แบบทดสอบสั้นๆ โดยเน้นการให้ข้อมูลย้อนกลับเพื่อปรับปรุง. วัตถุประสงค์: ตรวจสอบความเข้าใจของผู้เรียนระหว่างกระบวนการเรียนรู้ เพื่อปรับการสอนให้เหมาะสม. 5.2 ประเมินผลรวม (Summative Assessment): กิจกรรม: ใช้ข้อสอบ, โครงงาน, การนำเสนอ เพื่อวัดผลสัมฤทธิ์การเรียนรู้เมื่อจบบทเรียนหรือสิ้นสุดหน่วยการเรียนรู้. วัตถุประสงค์: ประเมินว่าผู้เรียนบรรลุวัตถุประสงค์การเรียนรู้หรือไม่. 5.3 เปิดโอกาสให้ประเมินตนเองและเพื่อน (Self & Peer Assessment): กิจกรรม: ให้ผู้เรียนประเมินผลงานของตนเองและเพื่อนตาม Rubric ที่กำหนด. วัตถุประสงค์: ส่งเสริมการคิดวิเคราะห์, การให้ข้อมูลย้อนกลับ, และการเรียนรู้จากกันและกัน. หลักการสำคัญในการจัดการเรียนรู้: สร้างความปลอดภัยทางจิตใจ (Psychological Safety): ผู้เรียนต้องรู้สึกปลอดภัยที่จะลองผิดลองถูก ตั้งคำถาม และแสดงความคิดเห็น. เคารพความแตกต่างระหว่างบุคคล (Respect Individual Differences): ตระหนักว่าผู้เรียนแต่ละคนมีพื้นฐาน, ความสามารถ, และรูปแบบการเรียนรู้ที่แตกต่างกัน. เน้นการมีส่วนร่วมและการสร้างองค์ความรู้ (Active Participation & Knowledge Construction): ผู้เรียนไม่ใช่ผู้รับความรู้เพียงอย่างเดียว แต่เป็นผู้สร้างความรู้ด้วยตนเอง. ความท้าทายที่เหมาะสม (Appropriate Challenge): กิจกรรมควรมีความท้าทายพอที่จะกระตุ้น แต่ไม่ยากเกินไปจนทำให้ท้อถอย. ความสม่ำเสมอและความต่อเนื่อง (Consistency & Continuity): การจัดการเรียนรู้ที่ดีควรเป็นกระบวนการที่ต่อเนื่องและสม่ำเสมอ. การนำขั้นตอนเหล่านี้ไปปรับใช้ จะช่วยให้คุณครูสร้างสรรค์บรรยากาศการเรียนรู้ที่มีชีวิตชีวาและส่งเสริมศักยภาพของผู้เรียนได้อย่างเต็มที่
สื่อการเรียนรู้
สื่อการเรียนรู้
สื่อการเรียนรู้
อบรมและพัฒนาคุณลักษณะที่ดีของผู้เรียน
รายละเอียดเกี่ยวกับการอบรมและพัฒนาคุณลักษณะที่ดีของผู้เรียน
อบรมและพัฒนาผู้เรียน
อบรมและพัฒนาผู้เรียน
อบรมและพัฒนาผู้เรียน
การอบรมและพัฒนาคุณลักษณะอันพึงประสงค์ 8 ประการ
ขั้นตอนการอบรมและพัฒนาคุณลักษณะอันพึงประสงค์ 8 ประการ ซึ่งเป็นกระบวนการที่ต้องอาศัยความเข้าใจ ความสม่ำเสมอ และการบูรณาการในทุกมิติของชีวิตผู้เรียนครับ
หัวใจสำคัญของการพัฒนาไม่ใช่การ "สั่งสอน" แต่เป็นการ "สร้างสรรค์" สภาพแวดล้อมที่เอื้อให้ผู้เรียนได้ซึมซับและลงมือปฏิบัติจนกลายเป็นส่วนหนึ่งของตัวตน โดยเราสามารถแบ่งกระบวนการพัฒนาออกเป็น 5 ขั้นตอนหลักที่สามารถปรับใช้ได้กับทุกคุณลักษณะ ดังนี้
ภาพรวม 5 ขั้นตอนหลักในการพัฒนาคุณลักษณะ (The 5-Step Development Framework)
1. สร้างความตระหนักรู้และความเข้าใจ (Awareness & Understanding):
"รู้ว่าคืออะไร และทำไมจึงสำคัญ"
เริ่มต้นด้วยการเปิดประเด็น ชวนคิด ชวนคุย
เพื่อให้ผู้เรียนเข้าใจความหมายและเห็นความสำคัญของคุณลักษณะนั้นๆ ไม่ใช่แค่การท่องจำ
แต่เป็นการทำความเข้าใจเชิงลึกว่าสิ่งนี้มีประโยชน์ต่อตนเองและสังคมอย่างไร
2. สร้างทัศนคติเชิงบวกและแรงจูงใจ (Positive Attitude & Motivation):
"เห็นคุณค่าและอยากที่จะทำ"
ใช้เรื่องเล่า กรณีศึกษา บุคคลต้นแบบ หรือสื่อต่างๆ เพื่อสร้างแรงบันดาลใจ
ทำให้ผู้เรียนรู้สึกว่าการมีคุณลักษณะที่ดีนั้นเป็นสิ่งที่ "เท่" น่าชื่นชม
และเป็นเป้าหมายที่พวกเขาอยากไปให้ถึง
3. ฝึกฝนผ่านการปฏิบัติจริง (Practical Application):
"เปิดโอกาสให้ลงมือทำ"
ออกแบบกิจกรรม โครงงาน หรือสถานการณ์จำลองที่ให้ผู้เรียนได้ฝึกฝนคุณลักษณะนั้นๆ
ในสภาพแวดล้อมที่ปลอดภัย การเรียนรู้เกิดจากการลงมือทำ ไม่ใช่แค่การฟังบรรยาย
4. การสะท้อนคิดและให้ข้อมูลป้อนกลับ (Reflection & Feedback):
"ทบทวนสิ่งที่ได้ทำและเรียนรู้"
หลังจากลงมือทำ ต้องมีกระบวนการชวนผู้เรียนกลับมาทบทวนสิ่งที่เกิดขึ้น (Reflection)
ว่ารู้สึกอย่างไร ได้เรียนรู้อะไร จะทำอะไรให้ดีขึ้นในครั้งหน้า
พร้อมทั้งให้ข้อมูลป้อนกลับเชิงสร้างสรรค์ (Constructive Feedback) จากครูและเพื่อนๆ
5. การบูรณาการสู่ชีวิตและเป็นแบบอย่าง (Integration & Role Modeling):
"ทำให้เป็นนิสัยและส่วนหนึ่งของชีวิต"
ส่งเสริมให้นำสิ่งที่เรียนรู้ไปใช้ในชีวิตประจำวันอย่างสม่ำเสมอ ทั้งที่โรงเรียน ที่บ้าน และในชุมชน
โดยมีครูและผู้ปกครองเป็นแบบอย่างที่ดี (Role Model) ในการปฏิบัติตน
แนวทางการพัฒนาคุณลักษณะอันพึงประสงค์ 8 ประการ
ต่อไปนี้คือแนวทางการนำ 5 ขั้นตอนข้างต้นไปปรับใช้กับแต่ละคุณลักษณะครับ
1. รักชาติ ศาสน์ กษัตริย์
สร้างความเข้าใจ: จัดกิจกรรมเรียนรู้ประวัติศาสตร์ชาติไทย ความสำคัญของสถาบันหลักผ่านการเล่าเรื่อง
การชมสารคดี หรือการเชิญวิทยากร
สร้างทัศนคติ: ศึกษาโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริที่แสดงถึงพระมหากรุณาธิคุณ
เรียนรู้หลักธรรมคำสอนที่สอดคล้องกับการดำเนินชีวิต
ปฏิบัติจริง: เข้าร่วมกิจกรรมวันสำคัญทางศาสนาและของชาติอย่างสม่ำเสมอ จัดทำโครงงาน "รักษ์ท้องถิ่น"
เพื่อศึกษาและภูมิใจในบ้านเกิดของตน
สะท้อนคิด: จัดวงสนทนา "ในฐานะเยาวชนไทย เราจะทำประโยชน์อะไรให้แผ่นดินได้บ้าง"
บูรณาการ: ปฏิบัติตนเป็นพลเมืองดี เคารพกฎหมาย และแสดงความจงรักภักดีในโอกาสอันควร
2. ซื่อสัตย์สุจริต 🙏
สร้างความเข้าใจ: อภิปรายข่าวเกี่ยวกับผลดีของการซื่อสัตย์และผลเสียของการทุจริตคอร์รัปชัน
สร้างทัศนคติ: เล่านิทานหรือเรื่องราวของบุคคลที่ประสบความสำเร็จได้เพราะความซื่อสัตย์
ปฏิบัติจริง: สร้าง "กล่องของหายได้คืน" ในห้องเรียน, จัดระบบ "ร้านค้าไร้คนขาย", และใช้ระบบ Honor
System ในการสอบย่อยเพื่อฝึกความรับผิดชอบ
สะท้อนคิด: ใช้สถานการณ์สมมติ เช่น "ถ้าเก็บเงินได้จะทำอย่างไร"
แล้วให้นักเรียนอภิปรายแลกเปลี่ยนเหตุผล
บูรณาการ: ไม่ลอกการบ้านเพื่อน ไม่โกหก และกล้ายอมรับผิดเมื่อทำพลาด
3. มีวินัย disciplined
สร้างความเข้าใจ: ร่วมกันตั้งกฎกติกาของห้องเรียน
เพื่อให้ทุกคนรู้สึกเป็นเจ้าของและอยากปฏิบัติตาม
สร้างทัศนคติ: ชี้ให้เห็นว่าวินัยนำมาซึ่งความสำเร็จได้อย่างไร เช่น การฝึกซ้อมของนักกีฬา,
การบริหารเวลาของนักธุรกิจ
ปฏิบัติจริง: ฝึกการเข้าแถวให้ตรงต่อเวลา, กำหนดเวลาส่งงานที่ชัดเจน, กิจกรรม 5ส.
ในห้องเรียนและบริเวณโรงเรียน
สะท้อนคิด: ให้ผู้เรียนวางแผนการทำงานหรือการอ่านหนังสือของตนเอง และประเมินผล בסוףสัปดาห์
บูรณาการ: การตรงต่อเวลา การแต่งกายถูกระเบียบ
และการรับผิดชอบต่อหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายกลายเป็นเรื่องปกติ
4. ใฝ่เรียนรู้ 📚<< /b>br>
สร้างความเข้าใจ: แนะนำแหล่งเรียนรู้ที่หลากหลายนอกห้องเรียน เช่น เว็บไซต์เพื่อการศึกษา,
พิพิธภัณฑ์, ห้องสมุดชุมชน
สร้างทัศนคติ: เชิญศิษย์เก่าหรือบุคคลที่น่าสนใจมาเล่าประสบการณ์การเรียนรู้ตลอดชีวิต
ปฏิบัติจริง: จัดกิจกรรม "โครงงานตามความสนใจ" (Passion Project)
ให้ผู้เรียนได้ศึกษาค้นคว้าในสิ่งที่ตนเองชอบ, จัดมุมหนังสือที่น่าสนใจในห้องเรียน
สะท้อนคิด: ฝึกทักษะการตั้งคำถาม การจดบันทึก และการสรุปความรู้หลังเรียนจบในแต่ละวัน
บูรณาการ: ผู้เรียนมีนิสัยรักการอ่านและค้นคว้าหาความรู้เพิ่มเติมด้วยตนเองอยู่เสมอ
5. อยู่อย่างพอเพียง 🌱
สร้างความเข้าใจ: สอนหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง 3 ห่วง 2 เงื่อนไข ให้เข้าใจง่ายและเห็นภาพ
สร้างทัศนคติ: ชมสารคดีเกี่ยวกับเกษตรทฤษฎีใหม่
หรือบุคคลที่น้อมนำหลักพอเพียงไปใช้จนประสบความสำเร็จ
ปฏิบัติจริง: ทำบัญชีรายรับ-รายจ่ายส่วนตัว, จัดกิจกรรม "ตลาดนัดรีไซเคิล",
ปลูกผักสวนครัวในโรงเรียน, ฝึกซ่อมแซมของใช้เล็กๆ น้อยๆ
สะท้อนคิด: อภิปราย "ความสุขที่แท้จริงเกิดจากวัตถุหรือสิ่งใด"
บูรณาการ: รู้จักออมเงิน ใช้จ่ายอย่างมีเหตุผล ใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่า และแบ่งปันผู้อื่น
6. มุ่งมั่นในการทำงาน 💪
สร้างความเข้าใจ: วิเคราะห์เรื่องราวความสำเร็จของบุคคลต่างๆ
ว่าต้องผ่านอุปสรรคและความพยายามอะไรมาบ้าง
สร้างทัศนคติ: สร้าง "Growth Mindset" ผ่านการให้กำลังใจ ชื่นชมใน "ความพยายาม" มากกว่าแค่
"ผลลัพธ์"
ปฏิบัติจริง: มอบหมายงานหรือโครงงานที่ท้าทายและต้องใช้เวลาทำอย่างต่อเนื่อง
ฝึกฝนการทำงานให้สำเร็จตามเป้าหมาย แม้จะเจออุปสรรค
สะท้อนคิด: เมื่อทำงานผิดพลาด ให้มองเป็นบทเรียน (Learning from mistakes) และหาวิธีแก้ไข
ไม่ใช่การยอมแพ้
บูรณาการ: มีความอดทนและรับผิดชอบต่องานที่ได้รับมอบหมายจนสำเร็จ
7. รักความเป็นไทย 🐘
สร้างความเข้าใจ: เรียนรู้เกี่ยวกับศิลปะ วัฒนธรรม ประเพณี ภาษา และภูมิปัญญาท้องถิ่น
สร้างทัศนคติ: จัดกิจกรรม "สัปดาห์ภูมิใจในความเป็นไทย" ให้นักเรียนแต่งกายด้วยผ้าไทย
นำเสนออาหารหรือการละเล่นไทย
ปฏิบัติจริง: ฝึกทักษะดนตรีไทย, นาฏศิลป์, หรือศิลปะป้องกันตัว,
จัดทำโครงการศึกษาโบราณสถานในท้องถิ่น
สะท้อนคิด: พูดคุยถึงแนวทางการอนุรักษ์และสืบสานวัฒนธรรมไทยในยุคปัจจุบัน
บูรณาการ: ใช้ภาษาไทยอย่างถูกต้อง มีมารยาทไทย (การไหว้ การพูดจา)
และชื่นชมในมรดกทางวัฒนธรรมของชาติ
8. มีจิตสาธารณะ ❤️
สร้างความเข้าใจ:
อภิปรายถึงความสำคัญของการช่วยเหลือซึ่งกันและกันและประโยชน์ของการทำเพื่อส่วนรวม
สร้างทัศนคติ: นำเสนอข่าวหรือเรื่องราวของผู้ที่อุทิศตนเพื่อสังคม เพื่อสร้างแรงบันดาลใจ
ปฏิบัติจริง: จัดตั้งโครงการอาสา เช่น "พี่สอนน้อง", กิจกรรมเก็บขยะในชุมชน, การเยี่ยมบ้านพักคนชรา
หรือการรณรงค์ในประเด็นทางสังคมต่างๆ
สะท้อนคิด: จัดกิจกรรมแลกเปลี่ยนประสบการณ์หลังการทำกิจกรรมอาสา
เพื่อแบ่งปันความรู้สึกและสิ่งที่ได้เรียนรู้
บูรณาการ: พร้อมที่จะช่วยเหลือผู้อื่นเมื่อมีโอกาส
และเห็นแก่ประโยชน์ส่วนรวมมากกว่าประโยชน์ส่วนตน
